วันนี้มีเมนูไก่มาฝากคนชอบทานเผ็ด ทักคาลบี อาหารจานนี้ ไม่ใช่สิ
ต้องบอกว่ากะทะนี้ ทำทานเองที่บ้านรสชาติไม่สะใจเหมือนกับไปทานที่ร้าน
อาจจะเป็นเพราะเค้าใช้กะทะใบใหญ่มากในการผัด
ทักคาลบีทานกับผักสดประเภทผักกาดหอมอร่อยมากเลยค่ะ ....
สูตรอย่างง่ายทำทานที่บ้านได้ (แอบไปขอสูตรจากอาจูม่าเจ้าของร้านประจำมา)
ไก่ 1.2 ก.ก. เลาะเอาแต่เนื้อ
กะหล่ำปลี 1/4 หัว
หอมใหญ่ 1 หัว
ใบงา 12 ใบ
ต้นหอมญี่ปุ่น 5 ต้น
พริกชี้ฟ้าเขียว,แดงอย่างละครึ่งดอก
มันเทศ 1/2 หัว
เครื่องปรุง ทุกอย่างผสมเข้าด้วยกัน
โกชูจัง(ซอสเผ็ดเกาหลี) 1 ช้อนโต๊ะ
พริกป่น 3 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่บด 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมบด 1 ช้อนโต๊ะ
ขิงบด 1/2 ช้อนโต๊ะ
เหล้า 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ
Sugar syrab 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ,พริกไทย,น้ำมันงา เล็กน้อย
ของทุกอย่างจะถูกใส่มาในกะทะเดียวกัน นำมาเสริฟแบบนี้
ผัดๆๆๆด้วยไฟแรงๆ กลิ่นงี้หอมฉุย
หน้าตาเป็นอย่างนี้ล่ะค่ะ แต่ยังเผ็ดไม่สะใจไปทานเมื่อไหร่ต้องแอบพกพริกป่นไทยไปด้วยทุกที
หลังจากทานเนื้อไก่ไปจนหมดแล้วทีนี้ก็ได้เวลาผัดข้าวแล้วจ้า
บางคนอาจไม่ชอบข้าวก็จะสั่งเป็นเส้นหมี่คล้ายๆอุดงมาผัดแทน
ทานกับกิมจิน้ำแบบนี้ล่ะค่ะ
อาหารเกาหลี
วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ต๊อกโพกี
ต๊อกโพกี 2อันนี้จะได้เห็นใน
เรื่อง กุง ภาคแรกที่ชินแชยองชอบหนีออกไปกินที่หน้าโรงเรียนกับเพื่อนบ่อยๆ
แถมยังให้ชายยุลกินด้วย >_< อิจฉาจังอ่า~
ส่วนประกอบจ้า~
1.แป้ง ต๊อก - แป้งข้าวต่างๆที่นำมานวดแล้วปั้นให้เป็นแท่งหรือก้อน แล้วแต่อาหารที่จะทำค่ะ แต่ถ้าสำหรับอันนี้เราใช้แป้งที่ลักษณะเป็นแท่ง (ถ้าของญี่ปุ่นเรียกว่า โมจิ คงรู้ชัดแล้วนะว่ามันคืออะไร )
2.เรด ฮอลิค ซอส (Red Holic sauce) - จะเป็นซอสลักษณะสีออกส้มๆแดงๆ มีทั้งหมด 3 ชนิดค่ะ คือ
- อับกุชอง (ซองสีแดง)
- ชินจง (ซองสีส้ม)
- อันนี้เป็นซองสีเขียว ซอสจะออกสีแดงเข้ม (ขอโทษนะคะ จำชื่อไม่ได้)
3.หัวหอม - หัวหอมอาจจะใช้อันที่เหลือจากชาจังมยอนก็ได้นะ
4.น้ำ - เจอกันอีกแล้ววว
วิธีทำจ้า~
1.หั่นหัวหอมให้เป็นเส้นๆได้ขนาดแล้วแต่ หรืออาจจะใช้ที่เหลือจากชาจังมยอนก็ได้ อิอิ
2.น้ำแป้งต๊อกมาใส่ลงกระทะไฟปานกลาง เติมน้ำใส่ ใส่ซอส แล้วก็ผัดดดดดดดดด
3.ใส่ หัวหอมลงไปหรืออาจจะเติม วุ้นเส้น หรือไม่ก็ปรุงรสก็ได้แล้วแต่ชอบอ่ะนะ แล้วก็ผัดมันเข้าไปจนกว่าแป้งจะสุก (ไม่สุกก็ได้แต่ต้องกินให้หมดนะ 555+)
4.จัดใส่จานเสริฟ หรือใส่กับเส้นหมี่ทานซะ (ถ้าใส่วุ้นเส้นลงไปก็ไม่ต้องใส่เส้นหมี่ก็ได้)
รวมรูปขั้นตอนการทำจ้า~
ตอนมันเดือดปุดๆนี่สิ โอ้ววววว~ เห็นแล้วน้ำลายจะไหลลล (เช็ดก่อนๆ)
ส่วนประกอบจ้า~
1.แป้ง ต๊อก - แป้งข้าวต่างๆที่นำมานวดแล้วปั้นให้เป็นแท่งหรือก้อน แล้วแต่อาหารที่จะทำค่ะ แต่ถ้าสำหรับอันนี้เราใช้แป้งที่ลักษณะเป็นแท่ง (ถ้าของญี่ปุ่นเรียกว่า โมจิ คงรู้ชัดแล้วนะว่ามันคืออะไร )
2.เรด ฮอลิค ซอส (Red Holic sauce) - จะเป็นซอสลักษณะสีออกส้มๆแดงๆ มีทั้งหมด 3 ชนิดค่ะ คือ
- อับกุชอง (ซองสีแดง)
- ชินจง (ซองสีส้ม)
- อันนี้เป็นซองสีเขียว ซอสจะออกสีแดงเข้ม (ขอโทษนะคะ จำชื่อไม่ได้)
3.หัวหอม - หัวหอมอาจจะใช้อันที่เหลือจากชาจังมยอนก็ได้นะ
4.น้ำ - เจอกันอีกแล้ววว
วิธีทำจ้า~
1.หั่นหัวหอมให้เป็นเส้นๆได้ขนาดแล้วแต่ หรืออาจจะใช้ที่เหลือจากชาจังมยอนก็ได้ อิอิ
2.น้ำแป้งต๊อกมาใส่ลงกระทะไฟปานกลาง เติมน้ำใส่ ใส่ซอส แล้วก็ผัดดดดดดดดด
3.ใส่ หัวหอมลงไปหรืออาจจะเติม วุ้นเส้น หรือไม่ก็ปรุงรสก็ได้แล้วแต่ชอบอ่ะนะ แล้วก็ผัดมันเข้าไปจนกว่าแป้งจะสุก (ไม่สุกก็ได้แต่ต้องกินให้หมดนะ 555+)
4.จัดใส่จานเสริฟ หรือใส่กับเส้นหมี่ทานซะ (ถ้าใส่วุ้นเส้นลงไปก็ไม่ต้องใส่เส้นหมี่ก็ได้)
รวมรูปขั้นตอนการทำจ้า~
ตอนมันเดือดปุดๆนี่สิ โอ้ววววว~ เห็นแล้วน้ำลายจะไหลลล (เช็ดก่อนๆ)
วิธีทำ กิมจิ
กิมจิผักกาดขาว...ทำกินเองได้ ง่ายนิดเดียว
เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ Hamilton
อิทธิพลของซีรีส์เกาหลีฟีเวอร์ ทำให้เทรนด์อาหารเกาหลีเป็นที่สนใจและได้รับความนิยมในหมู่นักชิมเพิ่มขึ้น เรื่อย ๆ เพราะในละครหลายเรื่องได้มีการสอดแทรกวัฒนธรรมด้านอาหารไว้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเกือบทุกเรื่องจะต้องมีฉากรับประทานอาหาร ชวนให้คนดูอยากลิ้มชิมรสเหมือนอย่างพระเอกนางเอกในเรื่องบ้าง
สำหรับ อาหารสามัญประจำมื้อของชาวเกาหลีจะมี กิมจิ หรือผักดอง เป็นตัวชูรสที่แทบจะขาดไปเสียไม่ได้ เป็นทั้งเครื่องเคียง ของแกล้ม และส่วนผสมของอาหารบางเมนู รสชาติออกเปรี้ยว เคี้ยวกรุบ ๆ ซึ่งกิมจิที่นิยมมากและเป็นที่รู้จักมากที่สุด ก็เห็นจะเป็น กิมจิผักกาดขาว วันนี้เราจึงนำ สูตรกิมจิผักกาดขาว ของคุณ Hamilton มาฝากคออาหารเกาหลีกันค่ะ
ส่วนผสม
ผักกาดขาว ขนาดใหญ่ 5-6 หัว
หัวไชเท้า 2-3 หัว
แครอท 1 หัว
ต้นหอม 2 กำ
ใบกุ่ยช่าย 1 กำ
กระเทียมจีน กลีบใหญ่ 10-12 กลีบ
ขิง 1 แข่งเล็ก
หัวหอมใหญ่ ครึ่งหัว
แอปเปิ้ล ครึ่งลูก
สาลี่เกาหลี ครึ่งลูก
พริกเกาหลี ชนิดสับหยาบ 1-2 ถ้วย
เกลือไทย 2-3 ถ้วย
น้ำตาล ครึ่งถ้วย
แป้งข้าวเหนียว ครึ่งถ้วย
น้ำ 3-4 ถ้วย
น้ำปลา 1 ถ้วย
ชามอ่างขนาดใหญ่ 1 ใบ
ตระกร้าขนาดใหญ่ 1 ใบ
วิธีทำ กิมจิผักกาดขาว
1. ผ่าแบ่งครึ่งหัวผักกาดขาว แล้วล้างน้ำให้สะอาด
2. นำชามอ่างขนาดใหญ่ ใส่น้ำประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วใส่เกลือประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ค้นให้ละลายแล้วพักไว้
3. นำผักกาดขาว มาโรยเกลือที่ละน้อย ในแต่ละชั้นของผักกาดจนครบทุกชั้น แล้วแช่ลงไปในน้ำเกลือที่ผสมไว้ จนครบทุกชิ้น เสร็จแล้วพักไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และต้องคอยกลับผักทุก 1 ชั่วโมง นำจากผักจะเริ่มค่อย ๆ ออกมาจนมิดผักค่ะ
4. นำผักมาล้างน้ำให้สะอาด 3 ครั้ง
5. เมื่อล้างเสร็จแล้ว นำผักแต่ละชิ้นบีบน้ำออกให้แห้ง และพักผักไว้ในตระกร้า
6. นำแป้งข้าวเหนียวและน้ำ 3-4 ถ้วย ผสมให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟปานกลาง ต้องค้นตลอดเวลาไม่ให้ติดก้น และไม่ให้จับกันเป็นก้อน พอเริ่มร้อนลดไฟลง พอแป้งเริ่มเหนียว ใส่น้ำตาล เร่งไฟเล็กน้อย แป้งที่กวนจะเงาขึ้น ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น
7. นำส่วนผสมของเครื่องปรุงมาเตรียมปลอกเปลือก และหั่น
ปลอกเปลือกให้เรียบร้อย
8. หั่นหัวไชเท้า และแครอท เป็นเส้นยาวขนาดกว้างประมาณ ครึ่งเซนติเมตร หั่นต้นหอม และใบกุ่ยช่าย ยาว 2 นิ้ว
9. นำกระเทียม ขิง หัวหอม แอ๊ปเปิล สาลี่เกาหลี ปลอกเปลือกและหั่น ใส่ลงในที่ปั่น และปั่นให้ละเอียดเข้ากันดี เทแป้งข้าวเหนียวที่เย็นแล้ว กับส่วนผสมที่ปั่น ลงให้อ่างผสม
ตัวอย่างพริกเกาหลีแบบหยาบ มีขายที่สยามพารากอน เอ็มโพเรี่ยม และวิลล่าทุกสาขาค่ะ
ลักษณะพริกเกาหลีแบบหยาบ
10. ใส่น้ำปลา และพริกเกาหลี ลงในชามผสม
11. และใส่ผักทั้งหมดที่หั่นไว้ลงไปในชามเครื่องปรุง
12. ผสมให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มได้ตามความชอบ ถ้ารสแบบเกาหลีจะเค็มนำหวานตาม แต่ถ้าชอบหวานหน่อยก็สามารถเติมน้ำตาลเพิ่มได้นะคะ
13. ลวกน้ำร้อนกล่องพลาสติกหรือขวดโหลแก้ว เพื่อฆ่าเชื้อให้สะอาด และนำผักแต่ละชิ้นที่พักไว้ มาค่อยๆทาซอสเครื่องปรุงให้ทั่วทุกชั้น เรียงใส่ในพาชนะให้เรียบร้อยค่ะ
14. ถ้าต้องการให้กิมจิมีรสเปรี้ยว ให้หมักนอกตู้เย็น 1 คืนค่ะ แต่ถ้าไม่ชอบรสเปรี้ยว ให้นำไปแช่ในตู้เย็นได้เลยค่ะ
หมักกิมจิในตู้เย็นประมาณ 2 อาทิตย์ก็ทานได้ แต่ถ้าอยากให้อร่อยต้องหมักประมาณ 2 เดือนขึ้นไปค่ะ และควรหมักไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิประมาณ 3 องศา กิมจิจะมีรสเปรี้ยวอย่างช้า ๆ ขึ้นอยู่กับเวลาที่เราหมักค่ะ
เพียงเท่านี้ ก็ได้ กิมจิผักกาดขาว เอาไว้กินเองที่บ้าน รับประทานได้อย่างจุใจ แถมยังอวดใคร ๆ ได้ว่า ฝีมือเราเองล่ะ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)